ประโยชน์ของ "กระเทียม"
- Bunnie
- Apr 8, 2020
- 1 min read
Updated: Apr 9, 2020

ถ้าพูดถึงกระเทียม ทุกคนก็คงรู้จักกันดี กระเทียมจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับหอมหัวใหญ่
กระเทียม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Allium sativum Lin ส่วนชื่อสามัญ คือ Garlic
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว สำหรับในประเทศไทยนิยมปลูกมากในทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่สำหรับกระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นฉุนคงหนีไม่พ้นจังหวัดศรีสะเกษ
สรรพคุณตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน
น้ำมันหอมระเหยในกระเทียมช่วยขับลม
ช่วยขับเหงื่อ
ช่วยขับปัสสาวะ
ฤทธิ์ขับน้ำดี
ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้
ช่วยลดการอักเสบ
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
ช่วยแก้อาหารหอบหืด
ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร
ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
การรับประทานกระเทียมติดต่อกัน 15 วันได้ผลดี
สรรพคุณทางอาหาร
ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล
กระเทียมมีกลิ่นหอมฉุนเผ็ดร้อน สารรสเผ็ดหนึ่งส่วนในกระเทียมสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
การรับประทาน
ครั้งละ 3-4 กลีบ วันละ2-3 ครั้ง หลังอาหาร ต้องรับประทานกระเทียมสดบด ถ้าเป็นกระเทียมเจียว
ความร้อนจะทำให้สรรพคุณกระเทียมเหลือเพียงเล็กน้อย
ข้อควรระวัง
ถ้าเก็บกระเทียมไว้นานเกินไป สารสำคัญในกระเทียมจะลดน้อยลง
ไม่ควรกินกระเทียมทั้งกลีบ
ควรทุบหรือสับกระเทียมก่อนกินเพื่อให้น้ำมันในกระเทียมออกฤทธิ์ในการรักษามากยิ่งขึ้น
หากต้องการเก็บกระเทียมไว้เพื่อรับประทานนานๆให้นำไปดองในน้ำส้มสายชูหรือในน้ำซีอิ้ว เพราะจะช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารของกระเทียมไว้ได้เป็นอย่างดี
คนที่เป็นโรคกระเพาะหรือท้องว่าง ไม่ควรรับประทานกระเทียม เพราะจะทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้
หากมีอาการปวดท้อง หรือคลื่นไส้ ควรรับประทานกระเทียมให้น้อยลง
การปรุงกระเทียมโดยผ่านความร้อน เช่น การเจียวจะทำให้คุณค่าในการเป็นยารักษาโรคน้อยลง
วิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับดินและสภาพอากาศที่ใช้ในการเพาะปลูกอีกด้วย
สำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ มีระดับความดันโลหิตเป็นปกติ ผู้ที่มีอาการของเลือดหยุดไหลช้า รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาอื่น ๆ เป็นประจำ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านไวรัส คุณไม่ควรรับ
แม้ว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลในการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละบุคคลก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรเลือกรับประทานให้หลากหลายและครบ 5 หมู่
คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียมดิบ(หัว) ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 143 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 30.0 กรัม
โปรตีน 5.6 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม
น้ำ 63.1 กรัม
เส้นใยอาหาร 0.9 กรัม
วิตามินบี 1 0.17 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 4.0 มิลลิกรัม
วิตามินซี 15.0 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 5.0 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 5.4 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 140.0 มิลลิกรัม
ที่มา : กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
Comments